สปอยหนัง The Visit
สปอยหนัง The Visit เดอะ วิสิท เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวของ รอเรตต้าร์ เธอกำลังให้สัมภาษณ์ผ่านกล้องของเบคก้าร์ ลูกสาวของเธอ ในอดีต รอเรตต้าร์ ในตอนที่อายุ 19 ปีได้คบหากับชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่พ่อแม่ของรอเรตต้าร์ไม่ชอบแฟนของเธอ รอเรตต้าร์จึงทะเลาะกับพ่อแม่ของเธอและหนีออกจากบ้าน และไม่ติดต่อพ่อแม่ของเธออีกเลยเป็นเวลา 15 ปี และที่แย่กว่านั้นคือเธอยังมาถูกสามีทิ้งอีก ทำให้เธอต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง โดยเธอมีลูกสาวของเธอชื่อ เบคก้าร์ และลูกชายชื่อ ไทเลอร์
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อกับแม่ได้ติดต่อมาหารอเรตต้าร์ และบอกกับเธอว่าอยากจะเห็นหน้าหลานๆ ซึ่งรอเรตต้าร์ไม่ได้อยากจะเจอหน้าพ่อกับแม่ของตัวเองนัก แต่เบคก้าร์และไทเลอร์อยากจะเจอตากับยายของตัวเอง เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอหน้าตากับยายเลย ในเช้าวันถัดมา รอเรตต้าร์ก็เลยต้องมาส่งลูกทั้งสองของเธอไปที่สถานีรถไฟ เพื่อไปอยู่กับตายายเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ในจังหวะเดียวกันรอเรตต้าร์กำลังจะไปเที่ยวกับแฟนใหม่ ทำให้ลูกทั้งสองไม่อยากเป็นก้างขวางคอ
เบคก้าร์ได้นำกล้องที่ใช้สัมภาษณ์คุณแม่ติดตัวมาด้วย เพราะต้องการจะทำสารคดีเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ และเมื่อทั้งคู่ออกจากสถานีรถไฟ ก็ได้เห็นตากับยายที่มายืนรอรับหลานๆ เบคก้าร์และไทเลอร์ก็เข้าไปกอดตากับยาย เบคก้าร์ได้ขอให้ตากับยายมาออกกล้อง และเธอก็อธิบายเกี่ยวกับยายและตาของเธอผ่านกล้องว่า คุณยายของฉันทำอาหารเก่งมาก ส่วนคุณตาของฉันก็เป็นชาวไร่ จากนั้นคุณตาและคุณยายก็ขับรถพาหลานๆ ไปที่บ้าน เมื่อไปถึงเบคก้าร์และไทเลอร์ก็ถือกล้องไปสำรวจรอบๆ บ้านเพื่อทำสารคดี เมื่อเข้าไปในบ้าน ตากับยายก็พูดคุยกับหลานๆทั้งสองคนอย่างสนุกสนาน จากนั้นตาก็พาหลานๆขึ้นมาที่ห้องพัก เบคก้าร์กับไทเลอร์ก็แบ่งเตียงกันนอน แล้วตาก็พูดขึ้นว่า หลานๆ เป็นเด็กดี อาทิตย์นี้ต้องสนุกแน่ๆ และเรื่องสำคัญ อย่าลงไปเล่นห้องใต้ดินนะ เชื้อรามันเยอะ ตากลัวหลานๆ ไม่สบาย ซึ่งไทเลอร์เองก็กลัวความสกปรกมากๆ อยู่แล้ว จึงคิดว่าจะไม่ลงไปห้องใต้ติดแน่ๆ
จากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาที่ห้องครัว ไทเลอร์ต่อเน็ตเข้าโน๊ตบุ๊คและวีดีโอคอลไปหาแม่ของเขา แต่รอเรตต้าร์ก็ยังโกรธตากับยายอยู่ จึงไม่อยากถามตรงๆ ว่าตากับยายสบายดีใหม แต่เด็กๆ ก็เข้าใจตรงนี้ ไทเลอร์เลยพูดว่า ผมกับเบคก้าร์อยู่ที่นี้สนุกมากๆ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่กับแฟนใหม่ของแม่เที่ยวกับให้สนุกเถอะ ช่วงเย็น ไทเลอร์กับเบคก้าร์ก็ออกมาเล่นข้างนอกบ้าน แล้วก็ไปเห็นคุณตากำลังเดินเข้าไปในเพิงหลังบ้าน ไทเลอร์จึงลองตะโกนเรียกคุณตา ซึ่งคุณตาก็หันมาแต่ก็เดินหายไป ไทเลอร์จึงถามเบคก้าร์ว่า ในเพิงนั่นมีอะไรหน่ะเบคก้าร์
ในคืนวันแรกก่อนจะถึงเวลานอน ตาก็เข้ามาในห้องพร้อมกับบอกหลานๆ ว่า วันนี้สนุกมาก ตาไม่เคยเห็นยายมีความสุขขนาดนี้มาก่อน แต่ยังไงก็ตามพวกเราก็เป็นคนแก่ และบ้านเราก็นอนตอนสามทุ่มครึ่ง และในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เด็กทั้งสองก็ยังไม่นอน เบคก้าร์ก็บอกกับกล้องว่าเธอนอนไม่หลับ และจะลงไปหาคุ้กกี้ของคุณยายมากินซะหน่อย และพอเธอเดินมาถึงที่บรรได คุณยายก็เดินผ่านมาอยู่ที่ด้านล่างของบันไดแล้วก็อ้วกแตก เบคก้าร์เธอจึงตกใจแล้วก็วิ่งเข้าห้องกลับไปนอน
เช้าวันที่สอง คุณยายก็อาการปกติดี และกำลังนั่งคุยกับไทเลอร์อย่างมีความสุข แต่เบคก้าร์ก็ยังสงสัยว่าทำไมคุณยายถึงออกมาอ้วกตอนกลางดึก เธอจึงมาถามคุณตาว่า ยายเป็นอะไรเมื่อคืน ตาเลยพูดว่า ยายหน่ะแก่แล้ว ก็ต้องมีป่วยบ้างเป็นธรรมดา แล้วตาก็เลยชวนเบคก้าร์ว่า ตอนบ่ายๆ เราขับรถเข้าไปในเมืองเล่นกันดีกว่า เบคก้าร์เลยมาชวนไทเลอร์ให้ไปด้วยกัน แต่ไทเลอร์ดันชวนให้เบคก้าร์มาเล่นซ่อนแอบใต้ถุนบ้านเพื่อทำสารคดีที่ๆ แม่เคยเล่นซ่อนแอบตอนเด็กๆ แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเล่นซ่อนแอบอย่างสนุกสนานนั้นคุณยายก็คลานกึ่งกระโดดเข้ามาหาทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง และไล่เบคก้าร์กับไทเลอร์ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก พอหนีออกมาได้ ยายก็คลานตามออกมาติดๆ แล้วก็หัวเราะเยาะหลานๆ ทั้งสองคน เพราะว่าเธอก็แค่มาแกล้งเล่น
ในตอนสายๆ ก็มีคุณหมอมาถามหาตากับยาย แต่ตากับยายไม่อยู่บ้านพอดี คุณหมอก็เริ่มเป็นห่วงเพราะตากับยายไม่ได้ไปทำงานมา 2 วันแล้ว แต่เบคก้าร์ก็บอกว่า ตากับยายสบายดี ในขณะเดียวกันไทเลอร์ที่กำลังคุยอยู่กับกล้อง เขาตัดสินใจจะเข้าไปสืบดูว่าที่เพิงหลังบ้านที่ตาชอบเดินเข้าไป มันมีอะไรซ่อนอยู่ จากนั้นไทเลอร์ก็เดินเข้าไป แล้วก็พบกับกองแพมเพิสที่เต็มไปด้วยอุจจาระ ทั้งยังมีฝูงแมลงวันตอมเต็มไปหมด ด้วยความที่ไทเลอร์เป็นคนที่กลัวความสกปรกมากๆ เลยรีบวิ่งออกมาจากเพิงหลังบ้าน แล้วพอมาเจอกับยาย ยายก็เลยเล่าว่า ตาหน่ะแก่แล้ว แล้วก็ป่วยด้วย ตาก็เลยอายมากๆ ที่ต้องให้คนอื่นรู้ว่าตาใส่แพมเพิส ยายขอโทษด้วยนะที่ทำให้หลานหมดสนุก ตอนเวลาบ่ายๆ เบคก้าร์และไทเลอร์ก็ไปขับรถเล่นกับตาที่กลางเมืองเพื่อถ่ายสารคดี แต่อยู่ๆ ตาก็พูดว่า มีคนจ้องมองเราอยู่ แล้วตาก็เดินไปหาชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างทาง แล้วตาก็ทำร้ายชายแปลกหน้าคนนั้นทันที เพราะคิดว่าเขาจ้องมองพวกเขา หลานๆ ที่ตกใจก็เข้าไปห้ามตา ไทเลอร์ก็เริ่มสงสัยว่าตา ป่วยเป็นโรคประสาทหรือเปล่า แต่เบคก้าร์ก็บอกว่า ตาเขาแก่แล้ว อาจจะมีหลงๆ ลืมๆ วิตกจริตไปบ้าง
แล้วในคืนนี้เขาทั้งสองก็กำลังจะนอนหลับแล้ว แต่ในคืนนี้มันก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ทำให้เบคก้าร์และไทเลอร์ตื่นขึ้นมา ทั้งสองคนก็สงสัยว่าข้างนอกมันมีอะไรกันแน่ และพวกเขาก็ต้องตกใจมากๆ เพราะภาพที่พวกเขาเห็นก็คือ คุณยายกำลังใช้มือขูดประตูอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทั้งสองรีบเข้านอนทันที
เช้าวันที่ 3 เบคก้าร์ได้ไปถามตาว่า เมื่อคืนนี้ยายเป็นอะไรอีกแล้ว ตาเลยตอบว่า จริงๆ แล้ว ยายเขาป่วยเป็นโรค sun downing หรือก็คือ เมื่อฟ้ามืด ยายจะเริ่มสมองเสื่อม และเกิดอาการหวาดระแวงวิตกจริตคล้ายๆ การละเมอนั่นแหละ ทางที่ดีตาจะขอตั้งกฎ หลังจากสามทุ่มครึ่ง ห้ามหลานๆ ออกมาจากห้อง ตกลงมั้ย เบคก้าร์ก็ตกลง ส่วนคุณตาก็กำลังแต่งตัวไปงานแฟนซี แต่ว่าจริงๆ งานแฟนซีไม่ได้จัดวันนี้ และที่สำคัญ ยายได้เผลอเอาน้ำยาล้างเตาอบไปเช็ดกล้องของโน๊ตบุ๊ค ทำให้กล้องใช้งานไม่ได้ เบคก้าร์และไทเลอร์ก็เริ่มสงสัยในสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น ทั้งสองคนจึงวีดีโอคอลไปหาแม่ และไทเลอร์ก็เล่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แม่ฟัง แต่ว่าแม่ก็ไม่อยากให้เด็กๆ ถือสาตากับยาย เพราะว่าพวกเขาแก่แล้ว อาจจะมีวิตกจริตหรือหลงๆ ลืมๆ ไปบ้าง ทางเบคก้าร์และไทเลอร์ก็อยากให้แม่เที่ยวให้สนุก จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
ต่อมาในตอนเย็น เบคก้าร์กำลังยืนล้างจานอยู่ ยายก็ได้พูดกับเธอว่า มุดเข้าไปทำความสะอาดเตาอบให้ยายหน่อย ยายตัวใหญ่ เข้าไปไม่ได้ เบคก้าร์ก็กลัวๆ แต่ก็มุดเข้าไปทำความสะอาดให้จนเสร็จ ต่อจากนั้นเบคก้าร์ก็ได้ขอยายถ่ายคลิปสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวในครอบครัว ตอนแรกก็คุยกันปกติดี แต่พอเบคก้าร์ถามถึงเรื่องแม่ ยายก็มีอาการผิดปกติ แล้วยายก็ไม่ขอพูดอะไรต่อ และแสดงท่าทีหงุดหงิด และในคืนวันนี้ เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เสียงประหลาดก็ดังขึ้นอีกครั้ง เบคก้าร์และไทเลอร์ก็ไม่กล้าออกไป ก็เลยหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย แล้วก็ค่อยๆ แง้มประตูดู แล้วก็เห็นยายวิ่งไปวิ่งมาแบบโคตรหลอน เบคก้าร์กับไทเลอร์ก็คิดว่ามันเป็นอาการป่วยของยาย จึงทำให้ยายออกมาเดินละเมอกลางดึก เช้าวันที่ 4 ในขณะที่ทั้งสองกำลังถ่ายวีดีโอเล่นกันอยู่ ยายก็เข้ามาเรียกหลานๆ ให้ไปดูจิ้งจอก แต่พอตามมาดูก็พบว่าตากับยายกำลังจ้องมองลงไปใต้บ่อน้ำ ทั้งสองคนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากตากับยายเดินไป ทั้งสองก็วิ่งไปดูที่บ่อน้ำ แล้วก็พบว่ามันไม่มีอะไร หลังจากนั้นไทเลอร์และเบคก้าร์ก็อัดคลิปสัมภาษณ์กันเอง จนทำให้รู้ว่าทั้งสองมีปมฝังใจ ไทเลอร์จะขยับไม่ได้เวลากดดัน เบคก้าร์ไม่กล้ามองตัวเองในกระจก
ต่อมาก็มีผู้หญิงชื่อ สเตซี่ นำขนมมาขอบคุณตากับยายที่เคยช่วยเหลือเธอเอาไว้ที่โรงพยาบาลตอนเธอป่วย แต่ว่าเบคก้าร์ก็ได้บอกสเตซี่ว่า ตากับยายไม่อยู่บ้าน ก็เลยมาพบไม่ได้ ช่วงหลังๆ ก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับยายมากมาย เช่น เรียกแล้วไม่ยอมตอบหรือนั่งหัวเราะกับกำแพง แล้วพอเบคก้าร์จะไปปรึกษากับตาเรื่องของยาย ก็ได้เห็นว่าตากำลังเอาปลายปืนลูกซองจ่อปากตัวเองอยู่ นั่นทำให้เบคก้าร์ตัดสินใจตั้งกล้องแอบท้ายไว้ที่กลางบ้าน เพื่อที่จะได้ดูว่าหลังสามทุ่มครึ่งมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก่อนที่จะเข้านอน ตากับยายก็ได้มาถามหลานทั้งสองว่า สบายดีใช่มั้ย พวกหลานดูแปลกๆ ไปนะ ทั้งสองคนก็ทำตัวตามปกติแล้วก็เข้านอน
ตัดภาพไปที่กล้องที่เบคก้าร์แอบตั้งเอาไว้กลางบ้าน ก็เห็นยายก็เกิดอาการป่วยอีกแล้ว แล้วก็เดินละเมอไปทั่วบ้าน ดูเหมือนว่าอาการจะหนักขึ้นทุกวัน แล้วยายก็มาเจอกล้องที่ตั้งไว้ แล้วยายก็หยิบกล้องตัวนั้นไป แล้วกล้องก็แสดงให้เห็นว่า ยายได้หยิบมีดมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของเบคก้าร์และไทเลอร์ ซึ่งในตอนนั้นยายกำลังพยายามจะเปิดประตูห้องนอนของหลานทั้งสองคน แต่โชคดีที่ทั้งสองนั้นได้ล็อคประตูเอาไว้ ทำให้ยายเดินจากไปในที่สุด
เช้าวันต่อมา ทั้งสองได้นำวีดีโอจากกล้องที่ยายทำตกไว้มาดู แล้วก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เบคก้าร์จึงบอกกับไทเลอร์ว่า ไปเก็บกระเป๋าซะ คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เราอยู่ที่นี่ ระหว่างนี้เราต้องทำตัวตามปกติ จากนั้นเบคก้าร์ก็เลยทำเนียนไปขอสัมภาษณ์คุณตา ตาเลยเล่าให้ฟังประมาณว่า ตาได้เห็นภาพหลอนเป็นตัวอะไรไม่รู้ตัวสีขาวๆ ตาสีเหลืองวิ่งไปวิ่งมา เบคก้าร์ก็คิดว่าตาน่าจะแก่แล้วเลยป่วยเป็นโรคทางประสาท แล้วทั้งสองคน ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันจากข้างล่าง จึงได้เดินไปดูทางหน้าต่าง ทำให้เห็นสเตซี่มาคุยกับตายาย แต่ก็แสดงท่าทีไม่พอใจอะไรซักอย่าง ตาเลยชวนสเตซี่ไปคุยที่หลังบ้าน เบคก้าร์และไทเลอร์ก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยในบ้านหลังนี้แล้ว ทั้งสองคนเลยตัดสินใจวีดีโอคอลไปหาแม่ ซึ่งที่กล้องโน๊ตบุ๊คมันกลับมาใช้ได้ นั่นก็เพราะเบคก้าร์ได้ไปลองซ่อมลองเช็ดมันมาแล้ว เเละเมื่อโทรติด เบคก้าร์ก็รีบเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังว่า ตากับยายไม่ปกติ ทำให้พวกเรารู้สึกไม่ปลอดภัย คืนนี้แม่ต้องมารับพวกเรากลับ
เมื่อแม่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจและสงสัยว่าทำไมลูกๆ ถึงกลัวตากับยายขนาดนี้ ไทเลอร์เคยหยิบโน๊ตบุ๊คไปถ่ายตากับยายที่ยืนอยู่หลังบ้านให้แม่ดู พอแม่ได้เห็นตากับยายก็ต้องตกใจสุดขีดและบอกกับลูกๆ ของเธอว่า ไทเลอร์ เบคก้าร์ ลูกตั้งใจฟังแม่ดีๆ นะ นั่นไม่ใช่คุณตาคุณยายของหนู ทั้งสองนิ่งเงียบไปพักนึง ขณะเดียวกันแม่ก็พยายามโทรแจ้งตำรวจแต่ตำรวจก็ไม่รับสาย ทำให้แม่ตัดสินใจจะออกมารับลูกทั้งสองของเธอทันที และก็ได้สั่งให้ทั้งสองรีบออกมาจากบ้านนั้นให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้หนี ตาก็ได้เข้ามาในบ้าน แล้วก็บอกกับเด็กๆ ว่า มาเล่นเกมกระดานกันเถอะ ทำให้ทั้งสองยังหนีออกจากบ้านตอนนี้ไม่ได้
พอฟ้าเริ่มมืด เบคก้าร์ก็พยายามทำตัวปกติ ช่วยยายทำงานบ้าน แล้วยายก็ให้เบคก้าร์เข้าไปทำความสะอาดเตาอบอีกครั้ง พอเบคก้าร์เข้าไปในเตาอบ ยายก็ปิดเตาอบขังเบคก้าร์เอาไว้ แต่ซักพักก็เปิดให้ออกมา พอฟ้ามืด อาการป่วยของยายก็ยิ่งกำเริบ และทั้งสองก็จะทำเนียนออกไปถ่ายคลิปหลังบ้าน พอเปิดประตูออกไป ก็พบกับสเตซี่ที่ถูกแขวนคอไว้ต้นไม้หลังบ้าน
แล้วตาก็โผล่มาชวนเบคก้าร์กับไทเลอร์ไปเล่นเกมกระดานกัน 4 คน เล่นไปซักพักเบคก้าร์ก็โกหกตากับยายว่าแบตกล้องใกล้จะหมด ขอเอาไปชาร์จ ทำให้ไทเลอร์ต้องนั่งเล่นเกมกระดานกับตายายเพียงลำพัง ตอนนี้มันก็เริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ อาการของยายก็เริ่มกำเริบรุนแรง ตาเลยบอกให้ไทเลอร์นั่งรอ ตาจะพายายไปนอนก่อน
ตัดภาพมาที่เบคก้าร์ ตอนนี้เธอเดินลงมาที่ห้องใต้ดิน เพื่อจะดูว่าตาซ่อนอะไรเอาไว้ เมื่อค้นดูก็พบกับภาพตากับยายที่แท้จริง แล้วก็พบกับชุดของคนไข้โรงพยาบาลประสาท และค้อนที่เปื้อนเลือด และในที่สุด เบคก้าร์ก็พบกับตายายที่แท้จริงถูกซ่อนเอาไว้ในสภาพที่เป็นศพ และตาโรคจิตของเธอก็ลงมาเจอเธอเข้า แล้วก็เริ่มเล่าเรื่องบ้างอย่างให้เธอฟัง สรุปได้ว่า ตากับยายที่แท้จริงของเบคก้าร์และไทเลอร์เป็นคนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับโรคทางประสาทให้กับผัวเมียตายายโรคจิตสองคนนี้ แต่เมื่อตากับยายบอกเกี่ยวกับหลานของพวกเขาให้คนไข้โรคจิตฟัง ทำให้ตายายโรคจิตทั้งสองที่พึ่งเสียลูกไปเพราะยายแก่ฆ่าลูกตัวเองแล้วเอาไปโยนลงบ่อน้ำ เกิดอยากมีครอบครัว จึงได้ทำการสังหารตากับยายที่แท้จริงไป และสวมรอยไปรับหลานๆ มาอยู่ด้วย แล้วตาแก่โรคจิตก็ลากตัวเบคก้าร์ขึ้นมาจากห้องใต้ดิน ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ไทเลอร์ โดนตาแก่ตีหัวล้มลงไปแล้ว ตาแก่ได้ลากเบคก้าร์ไปขังไว้ในห้องเดียวกันกับยายแก่ ซึ่งอาการกำลังกำเริบแบบสุดๆ
เบคก้าร์ไม่รู้จะทำยังไง จึงยืนหลับตาอยู่หน้ากระจก แต่พอเธอลืมตาขึ้น ก็เห็นยายแก่ยืนอยู่ข้างหลัง และมันก็จับหัวของเบคก้าร์โขกกับกระจกจนแตก ทำให้เบคก้าร์คว้าเศษกระจกมาได้ และแทงจนยายแก่ตายคาที่ ตัดภาพมาที่ไทเลอร์ ตอนนี้เขากดดันมากๆ และไม่สามารถขยับได้ ตาแก่ได้มาพูดกับไทเลอร์ว่า ฉันไม่เคยชอบแกเลย และฉันก็รู้ว่าแกเกลียดสิ่งสกปรก และตาแก่โรคจิตก็ได้นำแพมเพิสที่เต็มไปด้วยอุจจาระมาป้ายหน้าของไทเลอร์ จังหวะเดียวกัน เบคก้าร์ก็ได้เอากระจกมาเสียบตาแก่จากด้านหลังและต่อสู้กันอยู่ ไทเลอร์ที่โกรธสุดขั้วก็ได้วิ่งกระแทกตาแก่ล้มลง และได้เอาประตูตู้เย็นกระแทกหัวตาแก่จนสลบ และทั้งสองก็พากันหนีออกจากบ้าน และตำรวจกับแม่ของทั้งสองก็มารับตัวกลับไป หลายวันผ่านไป เบคก้าร์ก็ตัดสารคดีครอบครัวเสร็จ และเธอก็ได้ให้อภัยพ่อของเธอ โดยการใส่คลิปที่พ่อเล่นกับเธอตอนเด็กๆ ลงไปด้วย