สปอยหนัง The Black Phone สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ภาพยนตร์สยองขวัญที่เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ปี 1978 ในการแข่งขันเบสบอลลีกระดับเยาวชน ฟินนีย์ เด็กชายวัยมัธยมต้นกำลังขว้างลูกในตำแหน่งพิตเชอร์ ท่ามกลางแรงเชียร์ของ เกว็น น้องสาวสุดแสบของเขา ฟินนีย์ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เขาสามารถขว้างสไตรค์ได้สองครั้ง แต่เมื่อถึงลูกที่สามสีหน้าของฟินนีย์ปกคลุมไปด้วยความกังวล เมื่อลูกถูกปล่อยออกจากมือ แบตเตอร์ที่จับไม้เบสบอลอยู่ในมือฟาดไม้ไปโดนลูก เสียงลูกเบสบอลกระทบไม้ดังลั่น ก่อนลูกจะลอยไป โฮมรัน ฟินนีย์คอตกด้วยความผิดหวัง ในขณะที่เสียงเชียร์ บรูซ ดังกึกก้องไปทั้งสนาม บรูซ ยามาดะ เป็นแบตเตอร์เชื้อสายญี่ปุ่นอเมริกัน เขาเป็นเด็กยิ้มง่ายอัธยาศัยดี วันหนึ่งในระหว่างที่บรูซกำลังปั่น BMX สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นรถตู้สีดำคันใหญ่เลี้ยวมาหยุดอยู่ตรงทางที่เขากำลังจะผ่าน และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นบรูซ
ฟินนีย์ กับ เกว็น สองพี่น้องที่อายุไม่ห่างกันมากทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อขี้เหล้าที่ค่อนข้างดุและเข้มงวด พ่อของพวกเขาติดเหล้างอมแงมตั้งแต่แม่ของเด็กๆ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เหล้าที่ผู้คนคิดว่าช่วยบรรเทาความเศร้าได้ แต่แท้จริงมันกลับเป็นเสมือนกาวที่ยึดติดความเศร้าให้อยู่กับคนคนนั้น ในทุกๆ เช้า ฟินนีย์กับเกว็นจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน การเดินไปโรงเรียนในวันนี้ของทั้งสองก็เหมือนเดิม ที่แตกต่างไปจากเดิมคือข้างทางมีใบปิดประกาศตามหาเด็กหาย เด็กที่ชื่อ บรูซ ยามาดะ เพิ่มมาอีกหนึ่งใบ ฟินนีย์มองไปที่ใบประกาศนั้นด้วยความสนใจ แล้วก็พูดกับน้องสาวว่ามีเด็กหายเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว
วันเดียวกันที่ห้องครูใหญ่ มีนักสืบสองคนมาขอคุยกับเกว็นที่โรงเรียน เนื่องจากเกว็นฝันเห็นเดอะแกร็บเบอร์ ขณะลักพาตัวบรูซ โดยสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นชายถือลูกโป่งสีดำในรถตู้ ซึ่งมันตรงกับที่ตำรวจพบลูกโป่งสีดำตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุลักพาตัวของเด็กหลายคน คำถามคือ เกว็นรู้เรื่องลูกโป่งสีดำได้ยังไง เพราะตำรวจไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ เมื่อนักสืบทำท่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด เกว็นก็ได้บอกพวกเขาว่าบางครั้งสิ่งที่หนูฝันก็เป็นเรื่องจริง
เช้ารุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์ ฟินนีย์ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องของน้องสาว เกว็นที่กำลังยืนหันหน้าพิงโต๊ะในครัวรับแรงกระแทกจากสายเข็มขัดที่พ่อกำลังระดมฟาดมันลงที่ก้นของเธอ มันแรงเกินกว่าที่เกว็นจะรับไหว พ่อของเธอบอกว่าความฝันนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อโกรธ พ่อไม่ต้องการให้เกว็นคิดว่าความฝันเป็นความจริง เขาไม่ต้องการให้เกว็นเหมือนแม่ แม่ที่เชื่อสิ่งที่เห็นและเสียงที่ได้ยินในฝันจนนำไปสู่การจบชีวิตตัวเอง เกว็นมีความสามารถพิเศษที่ฝันเห็นเหตุการณ์บางอย่างได้ ซึ่งเธอได้รับความสามารถนี้มาจากแม่ พ่อต้องการปกป้องเกว็นไม่ให้เป็นเหมือนแม่
ในคืนนั้นเอง พ่อก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าโรบินหายตัวไปอีกคน โรบินเป็นเพื่อนที่คอยปกป้องฟินนีย์จากพวกเด็กหัวโจกที่ชอบรังแกเขา เกว็นมาปลอบพี่ชาย และเมื่อกลับไปห้องนอนเธอก็อ้อนวอนพระเจ้า ขอให้ฝันเห็นโรบินว่าเขาอยู่ที่ไหน หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้หาเขาเจอ วันหนึ่ง ฟินนีย์ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว เพราะวันศุกร์เกว็นจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนสนิทเป็นประจำ ระหว่างทางฟินนีย์เจอรถตู้สีดำของ เดอะแกร็บเบอร์ จอดอยู่ มันแสร้งทำของหล่น ด้วยความที่เป็นเด็กมีน้ำใจ ฟินนีย์จึงอาสาช่วยเก็บของ เมื่อฟินนีย์เดินไปที่รถตู้ มันก็เอาลูกโป่งสีดำออกมาบังแล้วใช้สเปรย์ยาสลบพ่นใส่ เมื่อเด็กชายหมดสติ เดอะแก็บเบอร์ก็รีบปิดประตู ก่อนจะรีบบึ่งรถตู้สีดำคันโตออกไปอย่างรวดเร็ว
วันเวลาผ่านไปตกกลางคืน ฟินนีย์ที่เผลอหลับไปก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงดังกริ๊งของโทรศัพท์ ฟินนีย์เหลือบไปเห็นสายโทรศัพท์มันขาด แล้วโทรศัพท์มันดังได้ยังไง แต่เขาก็ตัดสินใจคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงปลายสายที่เขาได้ยินคือเสียงของบรูซ บรูซที่ตายไปแล้วแนะนำฟินนีย์ถึงวิธีการหลบหนีออกไปจากที่นี่ ตรงทางเดินจะมีกระเบื้องหลุดออกมา ขุดมันลงไปแล้วจะทะลุไปอีกฝั่งได้ ฟินนีย์ทำตามคำแนะนำ เขาเอาฝาชักโครกมาขุดพื้นตรงนั้นลึกลงไป แล้วเอาเศษดินทิ้งลงในชักโครก แต่ดูเหมือนว่าการขุดอุโมงค์เพื่อหนีมันไม่ง่ายอย่างนั้น
ต่อมา เดอะแกร็บเบอร์เอาอาหารมาให้ฟินนีย์ ตอนกลับขึ้นไปมันแกล้งเปิดประตูทิ้งไว้ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงปลายสายเป็นเสียงของบิลลี บิลลีเตือนฟินนีย์ว่าอย่าเปิดประตูออกไป เพราะเป็นกับดัก ถ้าฟินนีย์หนีออกไปมันจะฆ่าทิ้งทันที บิลลีได้บอกวิธีหนี มีสายเคเบิลซ่อนอยู่ตรงรอยแยกบนพื้น ให้เอาสายเคเบิลปีนหนีไปทางตะแกรงเหล็ก ฟินนีย์ทำตามที่บิลลีแนะนำ เขาปีนไปถึงช่องตะแกรงเหล็ก แต่ทว่าน้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้ตะแกรงเหล็กหลุดออกมา ร่างฟินนีย์ร่วงกระแทกพื้น แผนการหนีล้มเหลวอีกครั้ง
โทรศัพท์สีดำดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ปลายสายเป็นเด็กชายชื่อกริฟฟิน จังหวะนั้นเองกริฟฟินที่ตายไปแล้วก็โผล่ออกมาในสภาพถูกปาดคอเลือดเต็มตัว ฟินนีย์ตกใจแต่ก็พยายามควบคุมความกลัวเอาไว้ กริฟฟินบอกกับฟินนีย์ว่า ตอนนี้เดอะแกร็บเบอร์หลับอยู่ แล้วบอกรหัสเปิดกุญแจประตูด้านนอก ฟินนีย์เดินออกไปที่ประตูและใช้รหัสนั้นเปิดกุญแจที่ใช้ล็อกประตูจนหนีออกไปได้ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อฟินนีย์โผล่ร่างออกไปหมาของเดอะแกร็บเบอร์ก็เห่าดังลั่น เดอะแกร็บเบอร์สะดุ้งตื่นและรีบขับรถออกไปตามฟินนีย์กลับมาได้
ฟินนีย์ถูกจับมาขังไว้ที่เดิม แล้วเสียงโทรศัพท์จากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นครั้งนี้ปลายสายเป็นเสียงของแวนซ์ เด็กหนุ่มทรงเฮฟวีเมทัลเลือดร้อน ฟินนีย์ได้รับคำแนะนำจากแวนซ์ให้ทุบกำแพงที่ห้องน้ำออกไป ตรงนั้นเป็นจุดที่กำแพงบางสามารถทุบได้ เมื่อทุบออกไปแล้วจะเจอทางหนี ฟินนีย์ทุบกำแพงออกไปจริง ๆ แต่ก็ต้องไปติดกับตู้แช่ขนาดใหญ่ที่วางขวางเอาไว้ ระหว่างที่ฟินนีย์กำลังนั่งร้องไห้กับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงโทรศัพท์ก็ดัง คราวนี้ปลายสายคือโรบินเพื่อนซี้ โรบินบิวต์ให้ฟินนีย์สู้อย่ายอมแพ้ โรบินสอนให้ฟินนีย์ใช้หูโทรศัพท์เป็นอาวุธ โดยเอาดินใส่เข้าไปในหูโทรศัพท์เพื่อให้มีน้ำหนัก แล้วใช้มันฟาดใส่เดอะแกร็บเบอร์
เมื่อคืน เกว็นฝันเห็นตัวเลขสี่ตัวเหมือนเป็นบ้านเลขที่ เธอจึงใส่เสื้อกันฝนออกขี่จักรยานระหว่างที่ฝนกำลังแทลงมาอย่างหนัก เพื่อตามหาบ้านเลขที่ที่เห็นในฝัน ทันใดนั้น เกว็นก็ถึงกับตกใจรถจักรยานล้ม เมื่อเจอเด็กชาย 5 คนยืนขวางถนนอยู่ เมื่อเธอเงยหน้าลุกมาจากพื้นถนนเด็กทั้งห้าก็หายวับไปแล้ว เกว็นมองไปรอบ ๆ บ้านที่อยู่บริเวณนั้นก็พบว่าตรงกับที่เธอฝัน มันต้องเป็นที่ที่ใช้ขังฟินนีย์เอาไว้แน่ ๆ เกว็นรีบโทรหานักสืบทันที
แม็กซ์ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับคดีเดอะแกร็บเบอร์ เขาเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เดอะแกร็บเบอร์อาจจะเป็นพี่ชายของเขา เขาจึงเดินลงมาที่ชั้นใต้ดิน เมื่อเปิดประตูแม็กซ์เห็นฟินนีย์ยืนอยู่ ฟินนีย์พยายามร้องขอให้แม็กซ์ช่วย แต่ไม่นานขวานจากมือเดอะแกร็บเบอร์ก็จามลงกลางหัวแม็กซ์ออกเป็นสองซีก ฟินนีย์กรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ ฟินนีย์ตอนนี้เลือดขึ้นหน้าเขาพร้อมสู้ ในที่สุด ฟินนีย์ก็จัดการเดอะแกร็บเบอร์ได้สำเร็จ โดยใช้หูโทรศัพท์ที่บรรจุดินอยู่ด้านในฟาดเข้าที่หน้าของมัน และใช้สายโทรศัพท์รัดคอมัดจนตายคามือ
เกว็นกับเหล่านักสืบและตำรวจอีกจำนวนก็เข้าค้นบ้านต้องสงสัย ทว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ใช้ฝังศพเด็กที่มันฆ่าไปแล้วก่อนหน้าทั้งห้าคน ฟินนีย์เดินออกมาจากบ้านอีกฟากหนึ่งเพียงลำพัง เกว็นเห็นพี่ชายก็รีบวิ่งออกไปกอดด้วยความดีใจ ต่อมา พ่อรีบตามมาคุกเข่าต่อหน้าลูกแล้วกล่าวคำว่าขอโทษทั้งน้ำตาออกมาไม่หยุด หลังปิดคดี ตำรวจแถลงข่าวต่อประชาชนว่า เดอะแกร็บเบอร์มีบ้านสองหลัง หลังหนึ่งไว้ขังเหยื่อ อีกหลังอยู่ตรงข้ามเอาไว้เป็นที่อำพรางศพหลังก่อเหตุฆาตกรรม ส่วนชีวิตหลังจากนั้นของฟินนีย์ ก็กลายเป็นที่กล่าวถึงในโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครกล้าแกล้งเขาอีกเลย