สปอยหนัง Akira and Akira หรือชื่อไทย อากิระกับอากิระ อากิระ ทั้งสองคน เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันและทำงานที่ธนาคารแห่งเดียวกัน ซึ่งนี่ เป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตา เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อากิระ ยามาซากิ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับพ่อ แม่ และน้องสาวที่ทำงานในโรงงานในเมืองอิซุ แต่แล้วก็เกิดเหตุ โรงงานของพ่อของเขา ยามาซากิ Press Industry ถูกลูกค้าหลอก และล้มละลาย ตอนที่ อากิระ อยู่ชั้นประถมปีที่ 5 เขาย้ายไปที่ Iwata ซึ่งครอบครัวของแม่ของเขาอาศัยอยู่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ พ่อของเขายื่นฟ้องล้มละลายและสามารถชำระหนี้จำนวนมากที่เขามีได้
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของเขาก็กลับมาทำงานอีกครั้งในฐานะวิศวกรที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้าในท้องถิ่น และเมื่อ อากิระ กลายเป็นนักเรียนมัธยมปลายและใกล้ถึงเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับอาชีพของเขา พ่อของเขามีปัญหากับหุ้นส่วนทางธุรกิจ และถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งเพราะเขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ขณะนั้น คูโดะ และ ฮายามิ พนักงานธนาคารได้ช่วยเหลือพ่อของเขาและรอดพ้นจากวิกฤตมาได้ และตอนที่ อากิระ กำลังจะเลิกเรียน พ่อของเขาก็แนะนำให้ อากิระ ไปเรียน อากิระ รู้สึกเห็นอกเห็นใจเมื่อรู้ว่าคูโดะ พนักงานธนาคารที่ช่วยพ่อของเขาก็มีประสบการณ์ที่บริษัทแม่ของเขาล้มละลายเช่นกัน
หลังจากเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว อากิระ ได้เข้าทำงานที่ Central Bank of Industry ส่วนอากิระอีกคน อากิระ ไคโด เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ตั้งแต่อายุยังน้อย ไคโด ได้รับการดูแลจากปู่ของเขา ซึ่งประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมการเดินเรือ เมื่อไคโด อายุ 17 ปี ปู่ของเขาเสียชีวิต และครอบครัวไคโดเริ่มประสบปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์สิน นอกจากนี้ ไคโด ยังเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่เรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโตเกียว แต่ท่ามกลางความขัดแย้ง เขาเลือกที่จะทำงานที่ Central Bank of Industry ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจของครอบครัว
อากิระ ยามาซากิ และ อากิระ ไคโด จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันในโตเกียว คณะเศรษฐศาสตร์ และได้งานที่ Central Bank of Industry ทั้งสองพบกันที่งานฝึกอบรมพนักงานใหม่ ในรอบสุดท้ายที่จัดขึ้นที่ธนาคารกลางแห่งอุตสาหกรรม มีแข่งขันกันทั้งหมด 2 ทีม แบ่งเป็นทีมบริษัทที่เตรียมเอกสารการขอสินเชื่อ และทีมธนาคารที่ตัดสินใจสินเชื่อตามเอกสารเหล่านั้น
อากิระ ไคโด อยู่ในทีมบริษัท และ อากิระ ยามาซากิ อยู่ในทีมธนาคาร ข้อมูลที่เขาได้รับในการฝึกอบรมมาจากบริษัทที่มีสถานการณ์การจัดการที่ยากลำบากมาก เมื่อประชุมทีม อากิระ ไคโด เลือกที่จะตกแต่งข้อมูลทางการเงินอย่างชาญฉลาดและส่งข้อมูลดังกล่าว ส่วน ยามาซากิ สังเกตุเห็นถึงการตกแต่งบัญชีของอีกฝั่ง เนื้อหาของการต่อสู้และการป้องกันที่ยอดเยี่ยมนี้ แสดงให้เห็นในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต่างประหลาดใจ ทำให้ความสำเร็จของพวกเขาได้รับการยอมรับ และอากิระ ไคโด ได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงานใหญ่ ในขณะที่ ยามาซากิ ได้รับมอบหมายให้ดูแลสาขายาเอสุโดริ
ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู เนื่องจากเศรษฐกิจฟองสบู่ ทั้งสองคนเติบโตขึ้นมาเป็นนายธนาคารชั้นนำ แต่ด้วยการล่มสลายของเศรษฐกิจฟองสบู่ อุตสาหกรรมการเดินเรือที่ครอบครัวไคโดรับผิดชอบอยู่ จึงเริ่มถดถอย
จากนั้น เรียวมะ น้องชายของเขาซึ่งรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัวแทน ไคโด ก็ล้มป่วยลง ไคโดตัดสินใจว่าชะตากรรมของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงยื่นเรื่องลาออกจากธนาคารและตัดสินใจรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว
ยามาซากิ ยื่นมือเข้ามารับผิดชอบการจัดหาเงินทุนสำหรับ บริษัทโทไก เพื่อสร้าง โทไก ขึ้นใหม่ ไคโด ตัดสินใจขาย อีสต์โอเชี่ยนชิโมดะ ก่อนจะล้มละลายเมื่อเขาได้ยินว่า บริษัทเบียร์ได้นิจิ กำลังพัฒนาวัสดุไฟเบอร์ใหม่ เขาจึงเข้าไป เสนอขายบริษัทโทไก และ อีสต์โอเชี่ยนชิโมดะ ให้ CEO บริษัท แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมา
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ละความพยายาม ยามาซากิ ทำงานอย่างหนักเพื่อจุดประสงค์นั้น และได้นำเอาแผนธุรกิจไปให้ไคโดดู และโน้มน้าวให้ ไคโด ยอมทำตามกลยุทธ์ของเขา ไคโด เข้าพบคุณอาทั้งสองพร้อมกับเรียวมะ เพื่อขอให้ทุกคนกลับมาร่วมมือกันและสร้างบริษัทขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้าน ยามาซากิ พยายามอย่างเต็มที่ ด้วยเงื่อนไขการกู้ยืมที่ค่อนข้างเข้มงวด เขาจึงตัดสินใจเข้าพบหัวหน้า และสร้างคำขออนุมัติ ในคำขออนุมัติ ขั้นแรกให้เงินกู้ หมื่นสี่พันล้านเยน กับขนส่งโทไก และนำเงินทุนทั้งหมดไปลงทุนกับโรงแรม แล้วโรงแรมก็จ่ายหนี้ให้กับ มิตสึโตโมะ เมื่อจ่ายหมด ก็จะตัดวงจรธุรกิจกับมิตสึโตโมะ แต่มีหนึ่งเงื่อนไข ทั้งสองบริษัทจะต้องโอนหุ้นตัวเองทั้งหมดไปที่ขนส่งโทไก แลกกับการยุติภาระผูกพันในการรับผิดชอบหนี้ร่วมกัน
บริษัทโทไกซึ่งตอนนี้จะเป็นบริษัทลูกจะถูกขายให้เบียร์ไดนิจิ ซึ่งข้อกำหนดและเงือนไข สามารถตกลงกันได้แล้ว
โดย ฮิโรยูกิ ซาวาตาริ เบียร์ได้นิจิ ตกลงกันที่ 5พันล้านเยน และด้วยยอดขายที่โทไกสามารถทำได้ โทไกจะสามารถคืนเงินให้กับธนาคารกลางของอุตสาหกรรมได้ 5พันล้านเยน และจำทำให้หนี้สินของโทไก ลดจำนวนเงินกู้ทั้งหมดจาก หมื่นสี่พันล้านเยนเป็น 9 พันล้านเยน
นอกจากนี้ เขายังส่งแผนการลดต้นทุนให้กับ โทไก และในที่สุด อากิระ ยามาซากิ ก็ได้รับการอนุมัติการตัดสินใจกู้ยืมจากเจ้านายของเขา เป็นผลให้ธนาคารกลางของอุตสาหกรรมตัดสินใจให้เงินกู้จำนวน 14 พันล้านเยนแก่ บริษัทโทไก
ห้าปีผ่านไป อากิระ ไคโด และ อากิระ ยามาซากิ มาเจอกัน ที่บ้านเกิดของยามาซากิ ตามที่เคยคุยกันไว้ และจบลงด้วยการเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ของพวกเขา